11.27.2558

LiFi

LiFi : Light Fidelity




นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการพิสูจน์ Li-Fi หรือระบบ Wi-Fi ที่รับส่งข้อมูลผ่านทางหลอดไฟ LED ในการทดลองใช้งานจริงแล้ว พบว่าสามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่าเทคโนโลยี Wi-Fi ในปัจจุบันกว่า 100 เท่า โดยสามารถรับส่งข้อมูลขนาด 1 GB ได้ภายในเวลาเพียงแค่วินาทีเดียว

Li-Fi คืออะไร

Li-Fi เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายไร้สายแบบใหม่ ที่รับส่งข้อมูลผ่านการเปลี่ยนแปลงค่าความสว่างหรือ Amplitude ของแสง แทนที่จะใช้คลื่นสัญญาณวิทยุดังเช่นเทคโนโลยี 802.11ac หรือ 4G ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการทดสอบความเร็วของการใช้ Li-Fi ในห้องแล็บ พบว่าสามารถทำความเร็วได้สูงถึง 224 Gbps และเมื่อไม่นานมานี้ ศาสตราจารย์ Harald Haas ผู้นำเสนอเทคโนโลยี Li-Fi ก็ได้จัดแสดงระบบต้นแบบขนาดเล็กที่สามารถใช้งานได้จริงผ่านหลอดไฟ LED และแผงเซลล์พลังงานแสดงอาทิตย์ จึงคาดว่าเทคโนโลยี Li-Fi นี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนโฉมหน้าของการใช้งานเทคโนโลยีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ตามบ้าน Gadget ที่ใช้งานกันทั่วไป และอุปกรณ์ Internet of Things

ผลการใช้งานจริงชี้ Li-Fi เร็วกว่า Wi-Fi ถึง 100 เท่า

Velmenni บริษัท Startup ชาวเอสโตเนีย ได้นำเทคโนโลยี Li-Fi มาทดลองติดตั้ง ใช้งานจริงเป็นครั้งแรกในออฟฟิสที่เมืองทาลลินน์ (เมืองหลวงของเอสโตเนีย) โดยทำการติดตั้งระบบไฟ LED อัจฉริยะที่เป็นอุปกรณ์สำคัญสำหรับส่งข้อมูลผ่านแสง ผลลัพธ์ที่ได้ คือ พนักกงานในออฟฟิสสามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงถึง 1 GB ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าการใช้งาน Wi-Fi ในปัจจุบันถึง 100 เท่า

นอกจากนี้ จากการที่ Li-Fi ส่งสัญญาณผ่านแสงซึ่งไม่สามารถทะลุกำแพงได้ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากการถูกดักฟังสัญญาณมากกว่าการใช้ Wi-Fi ที่ส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุ รวมทั้งยังเกิดการกวนกันของสัญญาณต่ำ แต่ก็ต้องแลกกับระยะทางที่สั้นลง และแหล่งกำเนิดสัญญาณ (หลอด LED) ที่ต้องมีจำนวนมากขึ้นนั่นเอง
---------------------------------------
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จากการลากสายแลน สู่เทคโนโลยีไร้สาย Wi-Fi ที่เราใช้จนคุ้นเคยมาหลายปีแล้ว จริงอยู่ว่าสะดวกในการเชื่อมต่อและใช้งานง่าย แต่ความต้องการของผู้ใช้อย่างเราๆก็อยากได้เน็ตแรง เน็ตความเร็วสูง (หลอด)​ ไฟแรงเฟร่อ Li-Fi จึงเป็นอีกเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง

เทคโนโลยี Li-Fi ถูกขนานนามว่า "แรงกว่า Wi-Fi เป็นร้อยเท่า" พาดหัวแบบนี้ ส่วนใหญ่สนใจ เพราะใครๆก็ต้องการความแรง ความเร็ว ยิ่งการดาวน์โหลด อัพโหลด ยิ่งไว ยิ่งใช้เวลาน้อย ตอนนี้อะไรก็ไวไปหมด เทคโนโลยี Li-Fi ที่คิดค้นในห้องแล็ป กำลังจะกลายเป็นความจริง โดยเฉพาะการใช้งานในออฟฟิศ และอุตสาหกรรมต่างๆ ใน Estonia ทุกที่ต้องการความแรงจริงๆ
Li-Fi ใช้หลักการถ่ายโอนข้อมูลโดยใช้หลอดไฟ LED ซึ่งปกติมีการกระพริบตลอดเวลาระดับ  nanoseconds อันนี้ไม่แน่ใจว่าถ้าเทียบหน่วย น่าจะไวกว่า ถี่กว่า มิลลิวินาที มากๆ ซึ่งแน่นอนว่า สายตาเรา มองไม่ทันสังเกตการกระพริบอยู่แล้ว จริงๆไม่ใช่ของใหม่ แต่คิดค้นขึ้นในปี 2011 ในห้องแล็ป และมีความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลไวถึง 224 Gbps.
ซึ่งนับว่าเป็นการฉีกข้อจำกัดของสัญญาณ​ Wi-Fi ที่ดรอปความสามารถในการรับส่งสัญญาณลงเมื่อเจอกำแพง เพดาน โดย Li-Fi นั้นใช้หลอดไฟ  แถมการใช้หลอดไฟก็ลดความเสี่ยงจากการถูกดักจับข้อมูล เพราะส่งผ่านข้อมูลด้วยหลอดไฟโดยตรง 
ดูภาพแล้วนึกถึงการส่งรหัสมอร์สเลยทีเดียว หลักการประมาณนี้แหล่ะครับ
อ่านถึงตรงนี้ ก็อาจจะสงสัย เอ๊ะ งั้นใช้นอกอาคารก็ไม่ได้น่ะสิ จริงๆมันใช้ได้นะ แต่กลางแจ้งแบบสนามเลย ก็คงไม่ได้ ถึงตอนนั้น Wi-Fi ก็ยังมีการให้บริการอยู่ เราก็จะมี Wi-Fi, 3G, 4G ให้เลือกใช้หลากหลายช่องทางเชื่อมต่อ
สำหรับ Li-Fi นั้น ถือเป็นความสามารถในยุค smart home ต่อไปหลอด LED ให้ประโยชน์ได้ 2 อย่าง ทั้งให้แสงสว่าง และสร้างเครือข่ายในบ้าน เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ สื่อสารพูดคุยกันได้  
ส่วนข้อแตกต่าง ระหว่าง Li-Fi กับ Wi-Fi ก็คงจะเป็นเรื่อง การรับส่งข้อมูลที่น่าจะถูกรบกวนและลดทอนที่น้อยกว่า และความปลอดภัยที่ดีกว่า
นอกจากนี้ Velmenni บริษัท Startup พร้อมแล้วที่จะผลักดันแนวคิด Li-Fi จากห้องแล็ป สู่ลูกค้าจริงๆ  ตอนนี้มีทั้ง Oledcomm และ pureLiFi ซึ่งผลักดันโดย Harald Haas
ตัวอย่าง Kit ที่ขาย
ซึ่งทั้ง 2 บริษัท นำเสนอชุดติดตั้งเครือข่าย Li-Fi ในสำนักงานและบ้าน และทาง pureLiFi ยังอ้างว่า ตอนนี้ให้บริการบนความเร็ว 10 Mbps ได้แล้ว
ข้อมูลเพิ่มเติม Pure Li-Fi oledcomm


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น