ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเทคโนโลยี
Voice over IP
Voice over
IP หรือ Voice
over internet Protocol
มักจะถูกเรียกสั้น ๆ ว่า VoIP เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารแบบใหม่ที่ทำให้เราสามารถรับ
– ส่ง
สัญญาณเสียงผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตได้ โดยจะต้องอาศัยอุปกรณ์ (Hardware) หรือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software)
ทำงานร่วมกัน เทคโนโลยี VoIP นี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยองค์กร Advanced
Research Projects Agency Network
(ARPANER) เมื่อปี ค.ศ. 1973 เพื่อเป็นการคิดค้นเทคโนโลยีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการทำงานของ VoIP
นั้นจะมีการแปลงสัญญาณเสียงจากต้นทางให้อยู่ในรูปแบบของ Packet เล็ก ๆ แล้วส่งไปยังผู้รับปลายทาง โดยอาศัยโปรโตคอลที่เรียกว่า (Internet
Protocol)
ในการส่งผ่านสัญญาณเสียงให้ผู้รับได้ฟังสัญญาณเสียงที่ส่งมาได้
หากมีการนำเอาเทคโนโลยี VoIP นี้ มาใช้งานในองค์กรต่าง ๆ
จะพบว่าช่วยลดค่าใช้จ่ายการใช้งานโทรศัพท์แบบปกติได้เป็นจำนวนมาก อาทิเช่น การใช้โทรศัพท์ทางไกลในประเทศและต่างประเทศ
เป็นต้น
VoIP เป็นเทคโนโลยีสื่อสารด้วยเสียงผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยจะแปลงเสียงจากผู้ส่งที่เป็นสัญญาณอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอลผ่านอุปกรณ์เครือข่ายแล้วส่งต่อผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไปยังผู้รับ
จากนั้นจะทำการแปลงสัญญาณกลับจากสัญญาณดิจิตอลให้เป็นสัญญาณอนาล็อกผ่านทางอุปกรณ์เครือข่าย
เพื่อให้ผู้รับได้ยินเสียงที่ส่งไป
อีกทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้งานโทรศัพท์ได้อีกช่องทางหนึ่ง
มาตรฐานการเข้ารหัส CODEC
CODECS (Coders/Decoders) หรือ “โคเดก” เป็นขั้นตอนวิธี
(Algorithm) ที่ใช้ในการเข้ารหัสและถอดรหัสสัญญาณเสียงที่รับส่งกันระหว่างการสนทนาเพื่อให้มีความถูกต้อง
และเป็นมาตรฐานเดียวกันให้สามารถส่งผ่านบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตได้
ปัจจุบันองค์กร ITU-T เป็นผู้กำหนดมาตรฐาน CODECS ที่มีการใช้งานกันบนเครือข่ายของ VoIP โดยจะมีการเขียนตัวอักษร
“G” นำหน้า เช่น G.711 G.723
G.729 เป็นต้น
ซึ่งแต่ละมาตรฐานก็จะมีขั้นตอนวิธีการที่แตกต่างกันไปบางมาตรฐานจะให้คุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม บางมาตรฐานใช้แบนวิดท์ (Bandwidth) มาก เช่น G.711 ซึ่งเหมาะสำหรับเครือข่ายในหรือ LAN บางมาตรฐานก็ให้คุณภาพเสียงที่ดีแต่ใช้แบนด์วิดท์น้อย
เช่น G.729 เหมาะสำหรับการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศหรือองค์กร
แต่มาตรฐาน G.729 นั้น
อาจะต้องมีการซื้อลิขสิทธิ์ก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระบบที่เลือกใช้งานด้วย นอกจากมาตรฐานที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร G แล้วยังมีอีกหลาย ๆ CODECS ที่ได้รับความนิยม เช่น GSM , iLBC , Speex ซึ่งจะนำเสนอต่อไป
G.711 เป็นโคเดกที่ใช้การรหัสและถอดรหัสสัญญาณเสียงที่มีขนาด 64 kbps โดยจะไม่มีการบีบอัดสัญญาณเสียง
และมีการใช้งานซีพียูในการเข้าและถอดรหัสน้อยมากจึงทำให้คุณภาพที่ได้มานั้นคุณภาพดีแต่จะใช้งานช่องสัญญาณ
(Bandwidth) ที่มากว่าโคเดก (Codec) ชนิดอื่น
ๆ โดยปกติแล้วมาตรฐาน G.711 นั้นจะแบ่งออกเป็นอีก 2 มาตรฐานย่อยคือ alaw หรือ ulaw โดยที่ G.711 alaw
นั้นจะใช้ในยุโรป (Europe) ส่วน G.711 ulaw
นั้นจะใช้ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั้งสองมาตรฐานก็ต้องการช่องสัญญาณ (Bandwidth) ที่ 64 kbps
โดยทั่วไปแล้วอุปกรณ์ที่ใช้งานในระบบ VoIP
นั้นจะตรองรับทั้งสองมาตรฐานนี้เป็นหลักไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ที่เป็นโทรศัพท์แบบ IP
Phone ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงอุปกรณ์แปลงสัญญาณเสียงอย่าง
ATA ก็รองรับด้วยเช่นกัน
หากมีการนำโคเดกนี้ไปใช้งานกับการสื่อสารผ่านทาง Dial up
ที่มีช่องสัญญาณเพียง 56 kbps อาจจะทำให้คุณภาพเสียงออกมาไม่ดีนัก
เสียงจะขาด ๆ หาย ๆ ได้
เนื่องจากช่องสัญญาณที่ใช้ในการสื่อสารมีขนาดเล็กกว่าความต้องการของมาตรฐานนี้
G.721 , G723, G726, G.728 และ G.729A
มาตรฐานเหล่านี้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสภาพเครือข่ายที่ใช้งานอยู่
โดยระบบจะมีการเลือกโคเดกที่มีความเหมาะสมให้กับอุปกรณ์ทั้งต้นทางและปลายทาง
โดยจะคำนึงถึงความพอเพียงของช่องสัญญาณ (Bandwidth)
ที่ใช้งานอยู่ ณ ขณะนั้น ซึ่งความต้องการของโคเดกเหล่านี้ก็จะอยู่ระหว่าง 8 ถึง 32 kbps นอกจากอุปกรณ์โทรศัพท์ต้นทาง และ
ปลายทางจะรองรับมาตรฐานโคเดกเหล่านี้แล้วตัวเซิร์ฟเวอร์เองก็ต้องมีตัวแปลงเพื่อเข้ารหัสและถอดรหัสตามมาตรฐานนั้น
ๆ ด้วยโดยส่วนมากแล้วมาตรฐานในกลุ่มนี้จะต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ในการใช้งาน เช่น G.729A นั้นเสียค่า License จำนวน 10 ดอลล่าร์
หากต้องการใช้งานมาตรฐานนี้กับระบบโทรศัพท์ Asterisk เป็นต้น
GMS หรือ Global
System for Mobile communications เป็นมาตรฐาน Codec ที่ใช้งานสำหรับการสื่อสารของโทรศัพท์มือถือ
ที่มีการใช้ช่องสัญญาณที่ 13 kbps
ในการรับส่สัญญาณเสียง
เป้นมารตรฐานที่มีขนาดเล็กและให้คุณค่าเสียงในระดับที่ดีและยังมีการใช้หน่วยประมาลผลต่ำอีกด้วย
ILBC
หรือ
Internet low – bitrate code
เป็นอีกมาตรฐานหนึ่งที่มีการใช้ช่องสัญญาณขนาดเล็กมาก โดยใช้ที่ 15 kbps ซึ่งสามารถใช้งานมาตรฐานนี้ได้ฟรี
โดยที่อุปกรณ์โทรศัพท์ทั้งต้นทางและปลายทางต้องรองรับมาตรฐานนี้ด้วยเช่นกันจึงสามรถใช้งานได้
สามารถดูรายละเอียดของมาตรฐานโคเดกนี้ได้จาก www.ilbcfreeware.org
Speex เป็นมาตรฐานโคเดกที่ใช้ช่องสัญญาณ (Bandwidth) ที่อยู่ระหว่าง
8 ถึง 32 kbps ตัว Speex เองสามารถที่จะปรับการใช้ช่องสัญญาณให้อยู่ในระดับกลางได้โดยไม่ต้องการการเรียกสายใหม่
เป็นโคเดกที่มีการนำมาใช้งานในการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตมาก
เนื่องจากเป็นโคเดกที่ใช้งานได้ฟรี
และมีความน่าเชื่อถือสูงแต่อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ต้นทาง และ
ปลายทางจะต้องรองรับมาตรฐานนี้ด้วยเช่นกัน
ตารางเปรียบเทียบการใช้งานมาตรฐาน
Codec แต่ละประเภท
ตารางนี้จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของการใช้งานมาตรฐานของ
Codec
แต่ละประเภทเพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาเลือกใช้งาน Codec
ให้มีความเหมาะสมกับสภาพเครือข่ายที่ใช้งานอยู่เพื่อให้เครื่องโทรศัพท์ที่อยู่ต้นทาง
และปลายทางสามารถสื่อสารกันได้โดยการใช้งาน Codec
ที่เหมือนกันทั้งนี้ต้องตรวจสอบดูด้วยว่า เครื่องโทรศัพท์ต้นทาง ปลายทาง
และระบบโทรศัพท์ IP-PBX ที่นำมาใช้งานนั้น
รองรับมาตรฐานดังกล่าวด้วย
ตารางการเปรียบเทียบ
Codec แต่ละประเภท
Codec
|
Bandwidth
|
Packet
Interval
|
Ethernet Overhead bandwidth
|
Processing Intensity
|
Total Bandwidth
|
G.711
|
64 kbps
|
20 ms
|
31.2 kbps
|
Low
|
95.2 kbps
|
G.726
|
32 kbps
|
20 ms
|
31.2 kbps
|
Medium
|
63.2 kbps
|
G.728
|
16 kbps
|
10 ms
|
31.2 kbps
|
High
|
78.2 kbps
|
G.729A
|
8 kbps
|
10 ms
|
31.2 kbps
|
High
|
39.2 kbps
|
GSM
|
13 kbps
|
20 ms
|
31.2 kbps
|
Medium
|
44.2 kbps
|
iLBC
|
15 kbps
|
10 ms
|
31.2 kbps
|
High
|
46.2 kbps
|
Speex
|
8.32 kbps
|
10 ms
|
31.2 kbps
|
High
|
39.2 kbps
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น