Integrated Service Digital Network คือบริการสื่อสารร่วม หมายถึงสามารถรับส่งสัญญาณภาพ เสียง และข้อมูลได้พร้อมกัน ในระบบดิจิตอล ทำงานโดยการหมุนโทรศัพท์ผ่านคู่สาย ISDN ซึ่งมีความเร็วสูงถึง 64 kbps - 128 kbps (สามารถรับส่งสัญญาณได้ถึง 2 วงจร หรือ 2 sessionพร้อมกัน) และเนื่องด้วย ISDN เป็นการสื่อสารในระบบดิจิตอล ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการแปลงสัญญาณจากอนาล็อกเป็นดิจิตอล ระบบจึงไม่มีสัญญาณรบกวน
การใช้งาน นอกเหนือจากการนำมาใช้ Internet ด้วยความเร็วสูงแล้ว เรายังสามารถนำ ISDN มาใช้ในลักษณะของ Video Conferrent หมายถึง การประชุมระหว่างประเทศ หรือจังหวัด โดยสามารถมองเห็นได้ทั้งภาพและเสียงในเวลาเดียวกัน
บริการของ ISDN แบ่งได้ 2 ประเภท
Individual เหมาะสำหรับตามบ้าน หรือองค์กรที่ไม่มีระบบ LAN หรือ หมายถึงผู้ใช้งานคนเดียว
Corporate หรือ LAN เหมาะสำหรับองค์กรที่มีระบบคอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ค สามารถใช้งาน internet ได้หลาย ๆ คนพร้อมกัน
ขั้นตอนการขอใช้บริการ ISDN
ขอติดตั้งบริการ ISDN จากองค์การโทรศัพท์
ซื้ออุปกรณ์ ISDN modem หรือ ISDN Router
สมัครสมาชิกกับ บริษัทที่ให้บริการ internet หรือ ISP
เพิ่มเติม
กรณีใช้งาน ISDN ร่วมกับโทรศัพท์ ความเร็วจะถูกลดลงเหลือ 64 kbps
ค่าใช้จ่ายโทรศัพท์จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการใช้งาน ครั้งละ 3 บาท
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น คือ การหมุนโทรศัพท์อาจเกิดปัญหาสายไม่ว่าง สายหลุด เช่นเดียวกับ Modem ธรรมดา
ISDN (Integrated Service Digital Network) คือบริการสื่อสารโทรคมนาคมระบบดิจิตอลที่สามารถรับส่งข้อมูลทั้งในระบบภาพ เสียง และข้อมูล ด้วยความเร็ว 128 Kbps ขึ้นไป ข้อดีของการใช้ ISDN คือความน่าเชื่อถือในการรับส่งข้อมูล อุปกรณ์สื่อสารของผู้ใช้บริการไม่ต้องมีการแปลงสัญญาณ (Conversion) ทำให้ความเพี้ยนของสัญญาณมีน้อยมาก ตลอดจนสิ่งรบกวน (Noise) ก็จะลดลงด้วย ทำให้ข้อมูลข่าวสารที่รับส่งในโครงข่าย ISDN มีความถูกต้องไว้ใจได้สูงกว่าแบบเดิม
ลักษณะการใช้งานเหมือนกับการหมุนโทรศัพท์ธรรมดาปกติ คือเสียครั้งละ 3 บาท ก่อนจะใช้คุณต้องหมุนโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของ ISP ที่เป็น ISDN ด้วยจึงจะได้ความเร็วของ ISDN ตามที่กำหนด
รูปแบบการใช้บริการ ISDN มี 2 แบบ คือ
1. แบบ BRI (Basic Rate Interface) หรือทางองค์การโทรศัพท์เขาเรียกว่า BAI (Basic Access Interface) เป็นรูปแบบการให้บริการด้วยคู่สายโทรศัพท์ธรรมดาจากชุมสาย ISDN จนถึงอุปกรณ์ปลายทาง คู่สายเพียง 1 คู่สาย สามารถที่จะรองรับอุปกรณ์ปลายทางชนิดต่าง ๆ ได้สูงสูด 8 อุปกรณ์และสามารถใช้งานได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกันในเวลาเดียวกัน เนื่องจากภายในคู่สาย ISDN แบบ BRI นี้จะประกอบไปด้วยช่องสัญญาณ 2 ช่องโดยแต่ละช่องสามารถให้บริการด้วยความเร็ว 64 Kbps ทำให้ได้ความเร็วรวมสูงสุดถึง 128 Kbps บริการนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง
2. แบบ PRI (Primary Rate Interface) เป็นรูปแบบการให้บริการโดยการวางเคเบิลแบบไฟเบอร์ออฟติคไปยังตู้สาขาแบบ ISDN (ISDN PABX) ของผู้เช่าเคเบิลเส้นหนึ่งจะช่องสัญญาณอยู่ 30 ช่อง แต่ละช่องให้บริการด้วยความเร็ว 64 Kbps ซึ่งแต่ละช่องสามารถที่จะรวมสัญญาณเข้าด้วยกันทำให้ได้ความเร็วรวมสูงสุด คือ 2.048 Mbps บริการนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่
Proxy Server ด้วยรูปแบบข้างต้น ระบบของท่านจะต้องทำการติดตั้ง Proxy Serverเพื่อเป็นตัวกลางในการติดต่อไปยัง Internet โดย Webpage ต่างๆ ที่ถูกเรียกขึ้นมาใช้จะถูกเก็บไว้ใน Proxy Server และเมื่อ User มีการเรียกใช้ Webpage นั้น Webpageดังกล่าวจะปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเสียเวลาถึงข้อมูลจาก Internet มาใหม่
Mail Server การมี mail server ภายในองค์กรเอง เพื่อความคล่องตัวในการจัดการกับ mailbox ของผู้ใช้แต่ละคน โดยสามารถเพิ่มเติม หรือแก้ไขข้อมูลของผู้ใช้ e-mai lภายในองค์กรของท่าน และเนื่องจากระบบท่านเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา การรับส่ง mail จึงสามารถทำได้ทันที
DNS Server สำหรับดูแลอินเทอร์เน็ตโดเมนขององค์กร และให้บริการแก่ผู้ใช้ภายในองค์กร
Web Server เพื่อให้บริการข้อมูลบน web site ขององค์กร โดยท่านจะใช้ server ของท่านเองเพื่อความคล่องตัว
สิ่งที่ระบบขององค์กรต้องการ
1. ISDN Moderm
2. ISDN 1 คู่สาย
3. ISDN Router หรือ Computer เพื่อทำเป็น Proxy Server
สิ่งที่ เอเน็ต จัดเตรียมให้
1. โทรศัพท์ 1 คู่สาย และ Access Server 1 Post สำหรับการเชื่อมต่อจากท่าน
2. IP Address สำหรับ Server ของท่านที่จะใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูล
3. จดทะเบียนอินเทอร์เน็ตโดเมนสำหรับองค์กรท่าน (คิดค่าจดทะเบียน)
การส่งข้อมูลและอุปกรณ์พื้นฐาน
ISDN (Integrated Services Digital Network) เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์นำมาเปิดให้บริการกันเป็นจำนวนมาก (ในประเทศไทยยังอยู่ในวงจำกัด เฉพาะบางชุมสาย และจังหวัดใหญ่ หรือบริเวณที่เป็นแหล่งธุรกิจเท่านั้น : ผู้แปล) ISDN เป็นหนึ่งในโปรโตคอลที่กำหนดโดย CCITT โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเครือข่ายดิจิตอลออกไปให้กว้างไกลทั่วโลก การเชื่อมต่อทุกขั้นตอนจากผู้ใช้บริการไปยังชุมสายผู้ให้บริการ สายสัญญาณที่เชื่อมต่อระหว่างชุมสาย และจากตู้ชุมสายไปถึงผู้รับใช้สัญญาณแบบดิจิตอลทั้งหมด จึงไม่มีความจำเป็นต้องแปลงรูปแบบสัญญาณไปมาอีกต่อไป ดังนั้นบริการของ ISDN จึงเป็นบริการในแบบดิจิตอลชนิดครบวงจรโดยแท้จริง นอกจากนี้บริการ ISDN
ยังให้แบนด์วิดธ์ในการรับ/ส่งข้อมูลที่ดีกว่าระบบโรศัพท์แบบเก่าๆ และสามารถให้บริการข้อมูลเสียงหรือแม้แต่ข้อมูลรูปแบบอื่นๆ (เช่น คอมพิวเตอร์, เพลง และวิดีโอ) ไปพร้อมๆ กัน ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งของโปรโตคอล ISDN คือสามารถต่อติดได้รวดเร็วกว่า (ประมาณ 5-6 เท่า) หากเปรียบเทียบกับระบบโทรศัพท์ธรรมดา
ISDN ประกอบไปด้วยโปรดตคอลที่แตกต่างกัน 2 แบบ คือ BRI (Basic Rate Interface) และ PRI (Primart Rate Interface) ซึ่งจะต้องเลือกไว้ก่อนที่จะติดตั้ง โปรโตคอล PRI พอจะนำไปเปรียบเทียบได้กับ T1 สำหรับโปรโตคอล BRI นั้นเป็นมาตรฐานที่ถูกนำไปใช้งานมากกว่า ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 ช่องสัญญาณที่แยกจากกันคือ
ช่อง D (Data) ขนาด 16Kbps เพื่อส่งข้อมูลที่เป็นสัญญาณควบคุมของระบบ ISDN และข้อมูลของสัญญาณ
ช่อง B (Bearer) ขนาด 64 Kbps ซึ่งใช้ในการรับ/ส่งข้อมูลทั้งเสียงและข้อมูลอื่นๆ
ช่อง B อีกหนึ่งช่องที่ขนาด 64 Kbps เพื่อใช้ในการรับ/ส่งทั้งเสียงและข้อมูลอื่นๆ
บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์ในแถบอเมริกาเหนือนั้นยังคงรองรับวิธีการเก่าๆ เพื่อสนับสนุนการใช้งาน ISDN อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ในบางครั้งการใช้ช่องสัญญาณ B สามารถทำงานได้ที่ความเร็วเพียง 56 Kbps แทนที่จะเป็น 64 Kbps เนื่องจากมาตรฐานที่ใช้ในการบีบอัดข้อมูลบน ISDN เอง ดังนั้นข้อมูลทิ่วิ่งอยู่บนระบบ ISDN ในปัจจุบันจึงยังไม่กำหนดให้มีการบีบอัดแต่อย่างใด ช่อง B ทั้งสองช่องนั้นสามารถถูกนำไปใช้ในการส่งข้อมูล ทั้งที่เป็นเสียงหรือข้อมูลอื่นได้พร้อมๆ กัน หรืออาจจะนำไปใช้ในการส่งข้อมูลเดียวกันไปยังปลายทางคนละแห่งกันก็ได้ หรือแม้แต่จะรวมสองช่องสัญญาณเข้าด้วยกันเพื่อใช้ในการสื่อสารกับสถานที่เดียวกันเพื่อให้ได้แบนด์วิดธ์ที่สูงขึ้น การดำเนินการดังกล่าวนี้เรียกว่า Inverse Multiplexing โดยกระบวนการนี้เป็นมาตรฐานที่ต่อยอดมาจากโปรโตคอล PPP (Point-to-Point Protocol) ที่เรียกว่า Mulltilink PPP (เรื่องของโปรโตคอล PPP จะมีการกล่าวถึงใน บทที่ 3 )
อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเด็ม ISDN) ที่สนับสนุนการทำงานในลักษณะนี้มีไม่มากนัก ผู้ผลิตโมเด็ม ISDN หลายรายต่างใช้วิธีการที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตนเองในการทำ Inverse Multiplexing ซึ่งก็ส่งผลให้การใช้ Terminal Adapter (ก็คือ โมเด็มแบบ ISDN นั่นเอง แท้จริงแล้วควรเรียกว่า TA น่าจะเป็นชื่อที่ถูฏต้องมากกว่า เพราะระบบ ISDN นั้นไม่ต้องทำกระบวนการ Modulate/Demodulate อีก : ผู้แปล) เพื่อให้เกิดการสื่อสารทั้งสองฝั่งต้องใช้โมเด็มของบริษัทเดียวกัน การให้บริการ ISDN นั้นเปิดให้บริการเป็นบางพื้นที่ ระบบ ISDN ยังคงอาศัยสายทองแดงที่ใช้กับโทรศัพท์ทั่วไป เจ้าหน้าที่ของโทรศัพท์จะต้องมาตรวจสอบคุณภาพสายก่อนการติดตั้ง หากพบว่าคุณภาพใช้ได ้ก็จะนำอุปกรณ์มาติดยังจุดของผู้ใช้บริการและที่ชุมสายโทรศัพท์ ทั้งนี้มีช้อที่น่าสังเกตคืออุปกรณ์ที่ติดตั้ง ต้องมีการป้อนทั้งสัญญาณและพลังงานไฟฟ้าเข้าไปด้วย ซึ่งหากมีปัญหาทงด้านระบบไฟฟ้าก็จะไม่สามารถใช้งานบริการ ISDN ได้ไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือข้อมูล ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถติดต่อได้หากไม่มีระบบโทรศัพท์แบบเก่ารองรับเหตุการณ์ที่เกิดนี้
ปัจจุบันองค์การโทรศัพท์เปิดให้บริการISDN อยู่ 2 ประเภท คือ
1. บริการแบบ BAI (Basic Access Interface = 2B+D) บริการแบบนี้ ทศท. จะให้บริการโดยเดินสายตรงด้วยคู่สายทองแดงปกติ (สายทองแดง 2 เส้นเหมือนกับการให้บริการโทรศัพท์ระบบธรรมดา)ไปยังผู้ใช้บริการ โดยใน 1 คู่สาย BAI นี้ ผู้ใช้บริการสามารถเดิน สายภายในเพื่อติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารในคู่สายเดียวกันได้สูงสุดถึง 8 อุปกรณ์ และสามารถใช้งานอุปกรณ์สื่อสารในคู่สาย ISDN เดียว กันได้พร้อมกัน 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน ที่ความเร็วเครื่องละ 64 Kbps โดยอาศัยช่องสัญญาณ B ที่มีอยู่ในคู่สาย ISDN 2 ช่อง สัญญาณ แต่ละช่องสัญญาณเป็นอิสระต่อกัน ตัวอย่างเช่น ในคู่สาย ISDN เดียวกันมีการติดตั้งโทรศัพท์ไว้ 2 เครื่อง เครื่องที่ 1 โทร ออกไปปลายทางที่เชียงใหม่เครื่องที่ 2 สามารถโทรออกหรือรับสายที่เรียกเข้ามาจากเครื่องปลายทางที่อยู่ที่หาดใหญ่ได้ เป็นต้น บริการ BAI นี้เหมาะสำหรับผู้ใช้บริการตามบ้านพักอาศัย ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางขนาดใหญ่ สถาบันองค์กรหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่ต้องการจำนวนอุปกรณ์สื่อสารที่ติดต่อกับบุคคลภายนอกจำนวนไม่มากนัก
2. บริการแบบ PRI(Primary Rate Interface = 30 B+D) บริการแบบนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่สถาบันองค์กรหน่วยงาน ราชการรัฐวิสาหกิจที่ต้องการช่องสัญญาณสื่อสารจำนวนมาก ทศท. จะให้บริการโดยเดินคู่สายความเร็วระดับ 2.048 Mbps ให้แก่ ผู้ใช้บริการ โดยลักษณะของคู่สาย PRI ที่ ทศท. จะนำมาให้ บริการแก่ผู้ใช้บริการจะมีอยู่ 2 รูปแบบ ดังนี้คือ
2.1สายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) ในขณะนี้ ทศท.มีการสร้างข่ายสายใยแก้วนำแสงตามย่านธุรกิจต่างๆ หลายเส้นทาง ลูกค้ารายใดที่ขอใช้บริการ PRI และอยู่ในแนว เส้นทางสายไฟเบอร์ออพติดของทศท. ที่สร้างไว้ ก็มี โอกาสที่ได้ใช้บริการ PRI ที่เป็นสายไฟเบอร์ออพติดได้ หรือ
2.2สายทองแดง(Copper Cable) ในกรณีที่ลูกค้าที่ขอใช้บริการ PRI แต่ไม่อยู่ในแนวเส้นทางสายไฟเบอร์ออพติคของ ทศท. ที่สร้างไว้ ทศท. ก็จะให้บริการเป็นแบบสายทองแดงแทน โดยจะเชื่อมต่อกับลูกค้าโดยมาต่อผ่านอุปกรณ์พิเศษที่ เรียกว่าอุปกรณ์ HDSL แล้วนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของลูกค้าที่รองรับคู่สาย PRI ได้ ลูกค้าก็ยังสามารถได้ใช้บริการ สื่อสารความเร็วสูงระดับ 2.048 Mbps ได้เหมือนกับลูกค้าที่ได้ใช้บริการ PRI แบบสายไฟเบอร์ออพติค
คู่สาย PRI ที่ลูกค้าใช้บริการอยู่นี้จะมีช่องสัญญาณ B ถึง 30 ช่องสัญญาณ ที่ความเร็วช่องสัญญาณละ 64 Kbps แต่ละช่องสัญญาณ เป็นอิสระต่อกันผู้ใช้บริการสามารถนำคู่สาย PRI มาต่อเข้าตู้สาขาอัตโนมัติ(ISDN PABX) ของผู้ใช้บริการทำให้อุปกรณ์สื่อสารที่ติด ตั้งหลังตู้สาขาสามารถติดต่อกับบุคคลภายนอกได้ 30 เครื่องพร้อมกันหรือนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Remote Access Server (ใน กรณีผู้ใช้บริการเป็น InternetService Provider หรือองค์กรหน่วยงานขนาดใหญ่ที่ต้องการรองรับการ Access จาก User ทางไกล เป็นจำนวนมาก) รองรับการ Access จาก User ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้พร้อมกันถึง 30 Users ที่ความเร็ว 64 Kbps หรืออาจจะ นำมาเชื่อมต่อเข้ากับ Router ความเร็วสูง2.048 Mbps เพื่อเชื่อมการติดต่อระหว่าง Netwok ที่เชื่อมต่อกันระหว่าง LAN (Local Area Network) ตั้งแต่ 2 วงขึ้นไปเข้าหากันได้ เช่น LAN ของสำนักงานใหญ่รองรับการติดต่อจาก LAN ที่อยู่ที่สาขาพร้อม ๆ กัน หลายสาขา หรืออาจจะนำมาต่อผ่านอุปกรณ์ Video Conference ความเร็วสูงระดับ 2.048 Mbps ได้เช่นกัน
หมาเหตุ: สำหรับช่องสัญญาณ D ที่มีอยู่ในทั้งบริการ BAI และ PRI เป็นช่องสัญญาณที่ทำหน้าที่ขอใช้บริการโดยส่งสัญญาณ Signalling ติดต่อกับชุมสาย และควบคุมการใช้งานของช่องสัญญาณ B ปัจจุบันผู้ใช้บริการ ISDN ไม่สามารถใช้งานช่องสัญญาณ D นี้ได้
Credit : http://rattana555.blogspot.com/2009/12/isdn.html
-----------------------
ISDN (INTEGRATED SERVICES DIGITAL
NETWORK) หรือบริการสื่อสารร่วมระบบดิจิตอล
เป็นบริการที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของระบบสื่อสารโทรคมนาคม
สามารถรับส่งสัญญาณเสียง ข้อมูลและภาพได้ด้วยระบบดิจิตอลสมบูรณ์แบบ
และมีความเร็วสูงกว่าการสื่อสารในระบบธรรมดาทั่วไป ทำให้คุณภาพของเสียง
ข้อมูลและภาพที่ส่งผ่านระบบ ISDN มีความชัดเจน ถูกต้อง
รวดเร็ว เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ดังนั้นบริการ ISDN จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้บริการสื่อสารโทรคมนาคมที่ต้องการความสะดวก
รวดเร็ว ทันสมัยและคล่องตัวในการรับส่งข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบที่จำเป็นในการตัดสินใจได้อย่างครบถ้วน
รวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ในโลกธุรกิจ
คุณสมบัติพิเศษของ ISDN
1.ผู้ใช้บริการ ISDN สามารถติดต่อสื่อสารได้หลายรูปแบบ
โดยผ่านคู่สาย ISDN เพียงคู่สายเดียว เช่น
-สัญญาณเสียง
-สัญญาณเสียงพูด
-โทรสาร
-การรับส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างคอมพิวเตอร์,
เมนเฟรมกับเทอร์มินัล, ระบบแลน, เทเล็กซ์, เทเลเท็กซ์และวีดีโอเท็กซ์
-ภาพนิ่ง
-ภาพเคลื่อนไหว
-การส่งสัญญาณเสียงพูดไปพร้อมกับภาพเคลื่อนไหว เช่น VIDEO PHONE (โทรศัพท์ ภาพ) ซึ่งสามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อถึงกันได้โดยในขณะเดียวกันก็แสดงภาพเคลื่อนไหวของคู่สนทนาให้ปรากฏบนจอภาพของโทรศัพท์ภาพด้วย
หรือ VIDEO CONFERENCE (อุปกรณ์สื่อสารที่ใช้ในการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ)
-การรับส่งข้อมูลไปพร้อมกับสัญญาณเสียงพูด
เช่น MULTIFUNCTION TERMINAL เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อพ่วงด้วยโทรศัพท์
ซึ่งสามารถส่งผ่านข้อมูลไปยังผู้รับปลายทางด้วยความเร็วสูง พร้อมๆกับการพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์กับผู้รับปลายทางได้ในขณะเดียวกัน
-การส่งสัญญาณเสียงพูดไปพร้อมกับภาพเคลื่อนไหวและส่งข้อมูลไปยังผู้รับปลายทางได้ในขณะเดียวกัน
เช่น DESKTOP VIDEO CONFERENCE เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อพ่วงด้วยโทรศัพท์
ซึ่งสามารถพูดโต้ตอบทางโทรศัพท์
โดยมีการแสดงภาพเคลื่อนไหวของคู่สนทนาบนจอคอมพิวเตอร์
พร้อมทั้งยังสามารถทำการส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงไปยังผู้รับปลายทางได้อีกด้วย
2.คู่สาย ISDN เพียง 1
คู่สาย สามารถรองรับการตดตั้งอุปกรณ์ปลายทางได้จำนวนมาก (สูงสุดถึง 8 เครื่อง) โดยการติดตั้งปลั๊ก
ISDN (ปลั๊กเอนกประสงค์สำหรับติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารเพื่อใช้งานทุกชนิด)
ตามจำนวนอุปกรณ์สื่อสารที่ต้องการใช้งาน ซึ่งผู้ใช้บริการ ISDNนอกจากจะติดตั้งอุปกรณ์ปลายทางบางส่วนสำหรับใช้งานปัจจุบันแล้ว
อาจจะเผื่อสำรองการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในอนาคตก็ได้
3.คู่สายระบบ ISDN มีจำนวนช่องสัญญาณมากกว่าคู่สายโทรศัพท์ในระบบธรรมดา
ทำให้สามารถใช้งานอุปกรณ์สื่อสารพร้อมกัน 2 เครื่องในเวลาเดียวกัน
โดยในขณะที่ผู้ใช้บริการ ISDN กำลังติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการอื่นอยู่นั้น
ผู้ใช้บริการก็ยังสามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการรายอื่นอีกรายหนึ่งได้อีกโดยใช้ช่องสัญญาณใช้งานที่เหลืออยู่
หรือผู้ใช้บริการรายอื่นๆเรียกติดต่อมายังผู้ใช้บริการ ISDN ได้โดยผ่านคู่สาย
ISDN เส้นเดียวกันนี้
เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและคล่องตัวแก่ธุรกิจ และผู้ใช้บริการ ISDN ไม่สูญเสียโอกาสในทางธุรกิจ
4.รับส่งข้อมูลข่าวสารโดยใช้สัญญาณระบบดิจิตอลซึ่งคุณภาพของสัญญาณจะแน่นอนชัดเจนและถูกต้องกว่าการส่งสัญญาณอนาล็อกและไม่ต้องมีการแปลงสัญญาณแต่อย่างใด
ความคลาดเคลื่อนและสิ่งรบกวนจึงน้อยมาก นอกจากนี้ระบบ ISDN ยังสามารถรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง
64 Kbps(กิโลบิตต่อวินาที) ต่อ 1
ช่องสัญญาณซึ่งสูงกว่าระบบปกติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทำให้ประหยัดเวลาในการใช้รับส่งข่าวสารซึ่งเป็นเวลาที่มีค่าของธุรกิจ
เนื่องจาก ISDN สามารถรับส่งข่าวสารได้เป็นปริมาณมากๆ
ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
และทั้งยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารให้กับธุรกิจอีกด้วย
5.ผู้ใช้บริการ ISDN
สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ใช้บริการรายอื่นที่อยู่โครงข่ายโทรศัพท์ (PUB
LIC SWITCHING TELEPHONE NETWORK) ในปัจจุบันได้ทันที
นอกจากนี้โครงข่ายบริการ ISDN ยังสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายส่วนบุคคลอื่นๆ
(เช่น LAN, PABX ฯลฯ) ได้อีกด้วย ทำให้ผู้ใช้บริการ ISDN สามารถติดต่อกับผู้ใช้บริการรายอื่นได้ทั่วประเทศ
อุปกรณ์เครื่องปลายทางที่ใช้ในระบบ ISDN
ผู้ใช้บริการ ISDN สามารถเลือกติดตั้งอุปกรณ์เครื่องปลายทางได้ดังนี้ คือ
1.อุปกรณ์เครื่องปลายทางที่เป็นระบบ ISDN เป็นอุปกรณ์ที่สามารถต่อเข้ากับปลั๊ก
ISDN แล้วสามารถใช้งานได้ทันที ได้แก่
-โทรศัพท์ระบบ ISDN
(DIGITAL TELEPHONE)
-โทรสารระบบดิจิตอล (GROUP
4)
-เครื่องคอมพิวเตอร์หรือดาต้าเทอร์มินัลที่ติดตั้งการ์ด
ISDN หรือ DIGITAL MODEM
-โทรศัพท์ภาพ (VIDEO
PHONE)
-บริการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (TELE-CONFERENCE)
-ตู้สาขาอัตโนมัติระบบ
ISDN (ISDN PABX)
2.อุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่ในระบบเดิมจะต้องต่อผ่านอุปกรณ์แปลงสัญญาณที่เรียกว่า
TERMINAL ADAPTER (TA) ก่อนที่จะใช้งานในคู่สายระบบ
ISDN ได้แก่
-โทรศัพท์ทั่วไป
-โทรสารทั่วไป (GROUP
3)
-เครื่องคอมพิวเตอร์หรือดาต้าเทอร์มินัลต่อเข้ากับ
TA แทนการใช้ MODEM สื่อสารข้อมูลในปัจจุบัน
-เทเล็กซ์
-เทเลเท็กซ์
-วีดีโอเท็กซ์
บริการของ ISDN
บริการหลักมี 2 รูปแบบ คือ
1.แบบ BAI (BASIC
ACCESS INTERFACE) เป็นรูปแบบการให้บริการเดินสายตรงถึงสำนักงานผู้ใช้บริการด้วยคู่สายเคเบิลทองแดงธรรมดา
โดยคู่สายระบบ ISDN เพียง 1 คู่สายนี้
ผู้ใช้บริการ ISDN สามารถนำอุปกรณ์เครื่องปลายทางชนิดต่างๆมาติดตั้งใช้งานได้ถึง
8 เครื่อง และสามารถใช้งานอุปกรณ์สื่อสารได้พร้อมกัน 2
เครื่อง เพราะจะมีช่องสัญญาณสื่อสารอยู่ 2 ช่องสัญญาณ
โดยแต่ละช่องสัญญาณสามารถติดต่อสื่อสารด้วยความเร็วสูงถึง 64 Kbps(กิโลบิตต่อวินาที) ทำให้เกิดความรวดเร็ว คล่องตัว
และเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน บริการชนิดนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง
2.แบบ PRI (PRIMARY
RATE INTERFACE) เป็นรูปแบบการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ ISDN
ด้วยการวางเคเบิลใยแก้วนำแสง(FIBRE OPTIC) ไปยังตู้สาขาอัตโนมัติ(ISDN
PABX) ของผู้ใช้บริการ โดยมีช่องสัญญาณสื่อสารอยู่ถึง 30 ช่องสัญญาณ ด้วยความเร็วของช่องสัญญาณจะถูกมัลติเพล็กซ์เข้าด้วยกันแล้วส่งไปในสายส่งสัญญาณชนิด
PRI ด้วยความเร็วสูงสุด 2.048 Mbps(เม็กกะบิตต่อวินาที)
บริการชนิดนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความต้องการรับส่งข้อมูลข่าวสารเป็นปริมาณมากด้วยความเร็วสูง
บริการเสริม (SUPPLEMENTARY
SERVICE)
-บริการแสดง/ระงับแสดงหมายเลขที่เรียกเข้า (บนจอของเครื่องโทรศัพท์
ISDN)
-บริการเรียกเข้าตู้สาขาอัตโนมัติระบบ
ISDN โดยตรง
-บริการให้หมายเลขประจำเครื่องมากกว่า
1 เลขหมาย
-บริการขอขยายเลขหมายเพิ่ม
-บริการส่งข้อความระหว่างผู้ใช้
(ไปบันทึกบนเครื่องปลายทางในกรณีที่ไม่มีผู้รับที่เครื่องปลายทาง)
-บริการถอด-ย้ายอุปกรณ์เครื่องปลายทาง (ในขณะที่มีการติดต่อกันอยู่
ทำให้สัญญาณไม่ถูกตัดขาด สามารถติดต่อกันได้)
พื้นที่ให้บริการ ISDN
องค์การโทรศัพท์ฯ
ได้กำหนดเปิดให้บริการ ISDN ในพื้นที่ครอบคลุมย่านธุรกิจที่สำคัญในกรุงเทพฯและจังหวัดใหญ่ๆที่เป็นย่านธุรกิจ
ดังนี้
นครหลวง : สุรวงศ์ พหลโยธิน เพลินจิต พระโขนง
ปทุมวัน ลาดพร้าว 1 ดอนเมือง แจ้งวัฒนะ นวนคร พระประแดง
บางซื่อ (อโศกดินแดง สำราญราษฎร์ กรุงเกษม สุขุมวิท คลองเตย
บางนา ชัยพฤกษ์ สาธุประดิษฐ์ ทุ่งมหาเมฆ เอกชัย หัวหมาก ดาวคะนอง สมุทรปราการ
ปทุมธานี : พื้นที่เตรียมการติดตั้งชุมสาย ISDN เพื่อให้บริการในปี 2539)
ภูมิภาค : เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์
นครราชสีมา สระบุรี ขอนแก่น พัทยา แหลมฉบัง มาบตาพุด สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ ภูเก็ต (สมุทรสาคร เชียงราย : พื้นที่เตรียมการติดตั้งชุมสาย
ISDN เพื่อให้บริการในปี 2539)
ประเทศที่ให้บริการ ISDN ระหว่างประเทศ : สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ นิวซีแลนด์
สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น (เดนมาร์ก เยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศส
สวีเดน เบลเยี่ยม นอร์เวย์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย ไต้หวัน
และอินโดนีเซีย : มีแผนจะเปิดให้บริการติดต่อกับประเทศเหล่านี้ผ่านระบบ
ISDN ได้ในปี 2539)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น